เรื่องเล่า “เจ้ากรรมนายเวร” ตอนที่ ๗

ปราณ จักระ ชี่

หลังจากวันที่ 6 ของคอร์สวิปัสสนาผ่านไปเช้าวันรุ่งขึ้น อากาศเย็นสบายทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ น่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณตี 5 กว่าๆ ขณะกำลังนั่งภาวนาอยู่นั้นลมหายใจของผมรู้สึกสั้นลงๆ บางช่วงรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงวูบลงมาจนเกิดอาการตัวสะดุ้ง ลมหายใจที่เข้าออกผ่านทางช่องจมูกรู้สึกแผ่วเบามาก บางช่วงเหมือนมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเห็นภาพแปลกๆที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน บางขณะมองเห็นลมหายใจของตัวเองเป็นหมอกขาวๆลอยออกมาผ่านทางช่องจมูก เหมือนกับในช่วงฤดูหนาวจัดๆเราเป่าลมออกมาจากปากจะเห็นหมอกพวยพุ่งออกมาเป็นสายสีขาวๆ แตกต่างกันที่ขณะนั้นผมเห็นหมอกสีขาวพวยพุ่งออกจากช่องจมูกด้วยใจ เพราะตอนนั้นผมกำลังหลับตาอยู่ในท่านั่งสมาธิ แต่ภาพต่างๆเกิดขึ้นมาในใจอย่างชัดเจนเหมือนกำลังมองเห็นในขณะลืมตาเลยทีเดียว

จากนั้นผมได้กลิ่นน้ำหอมแบบฉุนๆเข้าที่จมูก ซึ่งปรกติผมเป็นโรคภูมิแพ้จะเป็นคนแพ้กลิ่นน้ำหอมเคมี หรือกลิ่นที่เป็นสารสังเคราะห์เกือบทุกชนิด กลิ่นน้ำหอมเคมีนั้นแรงขึ้นๆผมจึงกลั้นลมหายใจเข้าไว้ ขณะกลั้นลมหายใจอยู่นั้นผมก็นึกอยู่ในใจว่าจะใช้อะไรเป็นฐานที่ตั้งของสติดีหนอ? ทันใดนั้นผมมีความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรเป็นลูกๆวิ่งอยู่ในท้อง เริ่มต้นจากบริเวณท้องน้อยวิ่งขึ้นมาข้างบนเกือบถึงลิ้นปี่ ผมรู้สึกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น? และมันคือก้อนหรือลูกอะไรที่วิ่งขึ้นวิ่งลงในท้องเรา หลังจากนั้นผมจึงเพ่งความสนใจที่ไปบริเวณท้องน้อยอีกครั้ง เพื่อสังเกตสิ่งผิดปรกติเมื่อกี้นี้ และทำให้ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นลมภายในร่างกาย คราวนี้พอเพ่งไปที่ท้องน้อยบริเวณนั้นก็จะเกิดอาการสั่นกระตุกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต เฝ้าดูอาการอยู่สักพักตราบใดที่เพ่งท้องการสั่นสะเทือนก็จะเกิดที่บริเวณท้องต่อเนื่องไม่หยุด เมื่อดูอาการสั่นที่บริเวณท้องได้สักประมาณ 2-3 นาที คราวนี้อาการสั่นเขาเคลื่อนที่เองได้ การสั่นย้ายไปที่บริเวณหน้าอก แต่หากเราเพ่งความสนใจมาที่ท้องน้อยอีกครั้ง การสั่นก็จะกลับมาที่บริเวณท้องเหมือนเดิม ตลอดชั่วโมงของการวิปัสสนาผมทดลองเคลื่อนย้ายการสั่นสะเทือนไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อทดสอบดูว่าบริเวณไหนจะสามารถเคลื่อนการสั่นสะเทือนไปได้บ้าง บางส่วนของร่างกายหากเราเพ่งอารมณ์ไปที่จุดนั้นการสั่นจะรุนแรงมาก บางตำแหน่งของร่างกายจะสั่นกระตุกเหมือนกบกระโดดเลยทีเดียว และเวลาในการนั่งภาวนา 1 ชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วโมงการปฏิบัติในคาบถัดมาขณะที่ผมนั่งภาวนา เมื่อเริ่มดูลมหายใจที่จมูกร่างกายของผมจะสั่นเต้นกระตุกไปทั้งตัว เพ่งไปที่มือก็สั่นที่มือรวมถึงก้นกบไกล้ๆกับที่มือซ้ายวางอยู่ด้วย เพ่งที่หัวใจก็สั่นบริเวณหน้าอก เพ่งไปที่ต้นคอก็สั่นบริเวณคอ มาถึงตอนนี้ผมภาวนาด้วยการดูลมหายใจที่จมูกไม่ได้เสียแล้ว เพราะร่างกายของผมจะสั่นและเต้นอย่างแรง ซึ่งจะเกิดเสียงดังรบกวนผู้ปฏิบัติท่านอื่น ผมต้องพยายามหาส่วนของร่างกายที่จะเป็นฐานที่ตั้งของสติในตำแหน่งที่สั่นเบาน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่น

ผมได้ขอคำปรึกษาจากธรรมบริกร เพื่อสอบถามวิธีแก้ไข ซึ่งธรรมบริกรได้ให้คำแนะนำว่า หากร่างกายสั่นเคลื่อนไหวอย่างไรก็ปล่อยให้เขาสั่นหรือกระตุกไป เราเพียงแค่มีสติเฝ้าดูไม่ต้องไปแทรกแซงใดๆ ผมจึงขออนุญาตธรรมบริกรไปนั่งภาวนาในถ้ำเพื่อที่ขณะร่างกายสั่นแรงๆจะได้ไม่ไปรบกวนผู้บฏิบัติท่านอื่นๆ ซึ่งธรรมบริกรก็ใจดีอนุญาตให้แยกไปนั่งภาวนาในถ้ำเพียงคนเดียวได้ …

เพื่อป้องกันความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อนุญาตให้สำเนาข้อความทุกรูปแบบเพื่อไปเผยแพร่ที่อื่น สามารถทำลิงค์มายังเว็บไซต์นี้ได้

เครดิต – หนังสือวิมุตติธรรม โดย ปิยทัสสี ภิกขุ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *