เรื่องเล่า “เจ้ากรรมนายเวร” ตอนที่ ๖

เจ้ากรรมนายเวร ตัวจริงเสียงจริง

ธรรมชาติของจิตมีอารมณ์หรือความคิดเป็นอาหาร จิตจะทำงานอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เราตื่นอยู่ จิตที่ยังไม่ได้รับการฝึกก็จะซัดส่ายไปคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ท่านผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า “จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง – จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้” ทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเพราะ จิตของผมยังไม่ได้รับการฝึกนั่นเอง ถึงแม้จะเป็นคนชอบทำบุญ ให้ทาน เกรงกลัวต่อบาปและอกุศลกรรมก็ตาม แต่หากจิตยังไม่ได้รับการฝึกก็จะให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้

หลังจากที่ผ่านคอร์สวิปัสสนากรรมฐานครั้งแรกมาแล้วก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างในชีวิตขึ้นมาบ้าง โดยมีวิปัสสนากรรมฐานเป็นเหมือนเครื่องมือนำทาง ทำให้อยากที่จะเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอีกครั้ง ผมสมัครเข้าอบรมคอร์สที่สองถัดจากคอร์สแรกไปประมาณ 3 เดือน สำหรับคอร์สนี้ผมมุ่งมั่นมากกว่าครั้งแรก และเหมือนเดิมผมได้รับมอบหมายให้ดูแลห้องน้ำของฝั่งอุบาสกเช่นเดิม แต่รอบนี้ผมมีประสบการณ์บ้างแล้วทำให้ไม่เกิดปัญหาในการล้างห้องน้ำ แม้จะมีมดดำในห้องน้ำมาก คอร์สนี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเข้าอบรมด้วย อายุน่าจะอยู่ราวๆประมาณ 22 ปี

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่ผมและน้องคนนี้มีที่นั่งไกล้ๆกันในห้องนั่งสมาธิ ทำให้ผมรับรู้ถึงอิริยาบถการเคลื่อนไหวของน้องเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การขยับเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาที่อยู่ในชั่วโมงนั่งภาวนา เหมือนน้องเขาไม่มีสมาธิในการนั่งภาวนาเอาเสียเลย พอหนักเข้าเมื่อนั่งสมาธิไม่ได้น้องเขาก็เปลี่ยนเป็นนั่งเปิดหนังสืออ่านในขณะที่ผู้ปฏิบัติธรรมประมาณ 40 ท่านนั่งภาวนาอยู่ในห้องนั้นด้วย

เนื่องจากช่วงนั้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาวทำให้ต้องใส่เสื้อกันหนาวหลายชั้น แต่เสื้อกันหนาวของน้องคนนี้เป็นผ้าร่มทำให้เวลาน้องเขาขยับร่างกายหรือเปลี่ยนท่านั่งภาวนาจะมีเสียงดังฟังชัดมากหากนั่งอยู่ไกล้ๆกัน ด้วยความที่น้องเขาไม่มีสมาธิขณะนั่งภาวนาทำให้ต้องขยับเปลี่ยนท่าตลอดเวลา เพื่อคลายความเจ็บปวดที่บริเวณขาทั้งสองข้าง ผมก็จะได้ยินเสียงผ้าร่มเคลื่อนไหวไปมาตลอดทั้งชั่วโมง ถ้าหากในตอนนั้นผมมีกำลังของสมาธิสูงขึ้นอีกสักนิดมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่อินทรีย์ผมก็ยังอ่อนอยู่ เมื่อมีเสียงผ้าและร่างกายคนรอบข้างเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรือเสียงเปิดหนังสือขณะนั่งภาวนา จึงทำให้ผมอึดอัดขัดเคืองมากขึ้นๆ

วันแรกและวันที่สองผ่านไปก็ยังพอทนได้ พอถึงวันที่สามอาการเริ่มแย่ และในวันที่สี่ผมก็สติแตก คิดจะหนีออกจากคอร์สก่อนกำหนด เพราะมั่นใจว่าน้องเขาไม่สามารถที่จะนั่งภาวนานิ่งๆได้ถึงชั่วโมงแน่นอน แล้วผมก็จะต้องทนแบบนี้ไปถึง 15 วัน มันคงทำให้ผมเป็นโรคประสาทแน่ๆ ผมจึงแจ้งกับธรรมบริกรขอเปลี่ยนที่ไปนั่งด้านหลังห้องที่ห่างจากน้องเขาเยอะพอสมควร แต่เจ้ากรรมน้องเขาก็ดันย้ายที่ไปนั่งด้านหลังห้องไกล้กับผมอีกเหมือนเดิม โอ! แม่เจ้า… คงหนีกันไม่พ้น ผมคิดในใจ

หลังจากนั้นความคับแค้นในใจของผมจึงระเบิดออกมา เหมือนภูเขาไฟที่ถูกบ่มไว้ได้ที่แล้วระเบิดพวยพุ่งปล่อยธารลาวาอันร้อนแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ผมแจ้งธรรมบริกรว่าผมต้องการจะออกจากคอร์สปฏิบัติธรรมก่อนกำหนด แต่ธรรมบริกรผู้มีเมตตาก็พยายามโน้มน้าวให้ผมอยู่ต่อ โดยจะไปบอกให้น้องคนนั้นกลับไปนั่งที่เดิม และแก้ปัญหาต่างๆที่ผมอึดอัดขัดเคืองให้ บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าการที่เรานั่งนิ่งๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หากเราไม่มีสมาธิเราจะต้องขยับเปลี่ยนท่านั่งตลอดเวลา เพราะไม่เช่นนั้นเราจะเกิดทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะในเวลา 1 ชั่วโมงนั้นจะเหมือนกับเราตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว

รุ่งเช้าของวันที่ 5 ขณะผมนั่งภาวนาผมจึงเข้าใจคำว่า “เมตตา” อย่างแท้จริงด้วยตัวเอง ถึงแม้ผมจะอ่านหนังสือธรรมะ หรือฟังธรรมบรรยายมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องความเมตตาอยู่ดี ขณะที่ผมใคร่ครวญเรื่องการเก็บของกลับบ้านอยู่นั้น ผมก็คิดถึงอุบาสิกาที่นั่งภาวนาอยู่ในห้องนั้นด้วย ในคอร์สนี้มีอุบาสิกาเข้าปฏิบัติธรรมประมาณ 25 ท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะสูงอายุทั้งนั้นมีอายุน้อยๆไม่กี่ท่าน แต่แม่ๆทั้งหลายท่านก็นั่งนิ่งเฉยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับเสียงต่างๆที่เกิดจากน้องเขาเลยทั้งๆที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันและแม่ๆบางท่านก็นั่งไกล้ๆน้องคนนั้นด้วย พวกแม่ๆท่านช่างมีเมตตาต่อน้องเขาจริงๆ เปิดโอกาสให้น้องเขาได้เดินผ่านประตูแห่งอมตะธรรมที่เปิดรออยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเขาเองว่าจะเต็มใจเดินผ่านเข้าไปหรือไม่

แต่ในห้องนั้นมีผมเพียงคนเดียวที่เกิดสติแตกอยากจะกลับบ้าน ไม่สามารถที่จะปฏิบัติวิปัสสนาต่อไปได้ แม้ผมจะตั้งใจอย่างแรงกล้าในตอนแรกที่มาเข้าคอร์ส ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า เมตตา ก็ตอนนี้เอง ทันใดนั้นน้ำตาของผมก็ไหลพรากออกมาเป็นสายจนแทบจะหยุดไม่ได้ หลังจากหมดชั่วโมงของการวิปัสสนาผมจึงแจ้งกับธรรมบริกรขออยู่ต่อไปจนจบคอร์ส ซึ่งธรรมบริกรก็ตอบรับด้วยความยินดีเช่นกัน …

เพื่อป้องกันความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อนุญาตให้สำเนาข้อความทุกรูปแบบเพื่อไปเผยแพร่ที่อื่น สามารถทำลิงค์มายังเว็บไซต์นี้ได้

หลวงพ่อขาว วัดอินทขิล จังหวัดเชียงใหม่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *