เรื่องเล่า “เจ้ากรรมนายเวร” ตอนที่ ๕

กายหยาบกายทิพย์

หลังจากผ่านด่านปีศาจมดมาได้พอถึงวันที่ 4 ของการปฏิบัติก็สัมผัสกับสภาวะธรรมที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เนื่องจากที่วัดตั้งอยู่บนพื้นที่ภูเขาสูงไกล้กับดอยอินทนนท์อากาศจึงหนาวเย็นเป็นเรื่องปรกติของที่นี่ ยิ่งเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วยแล้วทำให้ผมต้องเตรียมความพร้อมสำหรับป้องกันความหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นภาคการปฏิบัติในช่วงเช้าด้วยแล้ว ผมต้องใส่เสื้อถึง 3 ชั้น และมีผ้าห่มคลุมตัวอีก 1 ชั้น

ขณะเริ่มนั่งวิปัสสนากรรมฐานตอนแรกก็รู้สึกว่าหนาว แต่พอนั่งไปได้สักประมาณ 10 นาที ก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมรู้สึกแปลกใจว่าเวลาห่างกันไม่นานเมื่อกี้นี้ยังรู้สึกหนาว ตอนนี้กลับรู้สึกว่าร้อน ผมจึงตั้งใจว่าจะไม่ขยับร่างกายเพื่อเปลี่ยนท่านั่งเด็ดขาดไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวแค่ไหนก็ตามจะเป็นอะไรก็เป็นกัน! จากนั้นสักครู่ก็มีหมอกสีขาวๆลักษณะเหมือนไอน้ำปกคลุมที่ตัวผม และพวยพุ่งขึ้นไปทางด้านบนศีรษะ ทันใดนั้นตัวผมที่เป็นเหมือนแสงสว่างสีขาวก็ลอยตามไอน้ำขึ้นไป โดยมีกายหยาบนั่งอยู่ในท่านั่งสมาธิอยู่เบื้องล่าง ขณะที่กายทิพย์ลอยสูงขึ้นไปเหนือศีรษะได้เล็กน้อย ด้วยความตกใจและเกิดอาการกลัวที่ไม่เคยพบกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในการนั่งสมาธิ ผมจึงรีบกำหนดความรู้สึกกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกอีกครั้ง หลังจากนั้นกายทิพย์ก็ค่อยๆเคลื่อนกลับลงมาที่ด้านล่างเหมือนภาพหนังสโลว์โมชั่น และหมอกไอน้ำสีขาวก็ค่อยๆจางหายไป เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เหมือนกับผมกำลังนั่งดูภาพยนต์อยู่ แต่เป็นภาพยนต์ที่ผมเป็นผู้แสดงเสียเอง

เนื่องจากตลอด 10 กว่าปีที่เริ่มสนใจศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ มันจึงทำให้ผมตกใจจนรู้สึกมีอาการเหนื่อยหอบ และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่? สักครู่พอหายจากอาการตกใจผมก็เริ่มรู้สึกว่าร้อนขึ้นเรื่อยๆจนเสื้อของผมชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ แผ่นหลังของผมที่สัมผัสกับเสื้อยืดชั้นในเปียกชุ่ม ความร้อนที่รุมเร้าเข้ามาเหมือนตัวผมแทบจะละลาย แต่ก็ต้องอดทน เพราะผมได้ตั้งสัจจะไว้แล้วว่า “จะไม่ขยับเปลี่ยนท่านั่งเด็ดขาด หากยังไม่ได้ยินเสียงสัญญาณระฆังครบ 1 ชั่วโมง”

เวลาผ่านไปราวๆสัก 10 นาทีเห็นจะได้ ขณะความร้อนที่รุมเร้าเหมือนกับตัวผมเข้าไปนั่งอยู่ในตู้อบซาวน่ากำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า สักครู่ก็ได้กลิ่นหอมเย็นๆของดอกไม้ป่าโชยมาเข้าจมูก เป็นกลิ่นที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต หอมเย็นลึกๆ ขณะนั่งหลับตาอยู่เมื่อกลิ่นหอมสัมผัสที่จมูกแล้วก็เหมือนกับวิ่งเข้าสู่หัวใจทันที มันรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แม้เมื่อคืนที่ผ่านมาผมจะหลับไปเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น

ปรกติเวลาอยู่ที่บ้านผมจะนอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรเวลาผมมาเข้าคอร์สที่วัดผมมักจะนอนไม่ค่อยหลับ บางคืนนอนตาค้างอยู่ทั้งคืนได้หลับไปเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เพราะผมนอนดูนาฬิกาที่ข้อมือตลอดทั้งคืน จิตเหมือนถูกปลุกด้วยสภาวะธรรมที่แปลกใหม่ทุกวัน และการนอนหลับเพียงเล็กน้อยขณะพักอยู่ที่วัดไม่ได้ทำให้ผมเกิดอาการอ่อนเพลียแต่ประการใด ซึ่งแตกต่างจากการอยู่ที่บ้านหากวันไหนผมทำงานติดพันได้นอนเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งล่ะก็! ตื่นนอนวันรุ่งขึ้นจะมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หรือเกิดอาการป่วยไปเลยทีเดียว

ขณะกำลังครุ่นคิดถึงกลิ่นหอมอยู่นั้นก็ทำให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าวผ่อนคลายลงมาระดับหนึ่ง ผ่านไปสักครู่ก็มีลมเย็นๆพัดโชยจากหน้าต่างผ่านมาที่ตัวผม มันทำให้รู้สึกเย็นสบายเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงสัญญาณระฆังเคาะ 1 ครั้ง เพื่อแจ้งกับผู้ปฏิบัติในห้องวิปัสสนากรรมฐานว่าครบ 1 ชั่วโมงแล้ว

ตลอดทั้งวันผมวนเวียนคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้พบในวันนี้ว่าคือสภาวะธรรมอะไร? ในหัวของผมมีแต่คำถาม คำถาม และคำถาม เนื่องจากที่วัดปฏิบัติกรรมฐานแบบปิดวาจาอย่างเคร่งครัดทำให้ผมไม่มีโอกาสได้สอบถามหรือพูดคุยกับเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่น ครั้นจะเรียนถามกับพระอาจารย์ก็รู้สึกไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาของพระอาจารย์ ตกกลางคืนของวันนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับอีกเช่นเคย มันเป็นความรู้สึกเหมือนจิตถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ของการหลับไหลมาอย่างยาวนาน เมื่อนอนไม่หลับผมจึงลุกขึ้นมานั่งสวดมนต์ในใจ และแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไปถึงคุณแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว ทันใดนั้นภาพใบหน้าของแม่ก็ปรากฏขึ้นมาในใจอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของแม่ผ่องใสน่าจะอยู่ในราวช่วงอายุประมาณ 50 ปี ผมรู้สึกอิ่มเอมใจมาก เพราะหลังจากที่แม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไขกระดูกสันหลัง ซึ่งใช้วิธีรักษาด้วยการคีโม ผมก็ไม่เคยฝันถึงแม่เลยทั้งๆที่ผมอยากเห็นแม่ในฝันมาตลอดระยะเวลา 6 ปีหลังจากที่แม่เสียชีวิต

เพื่อป้องกันความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อนุญาตให้สำเนาข้อความทุกรูปแบบเพื่อไปเผยแพร่ที่อื่น สามารถทำลิงค์มายังเว็บไซต์นี้ได้

ภาพถ่ายของคุณแม่ขณะท่านอายุ 62 ปี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *