หลังจากที่ติดตั้งเครื่องพิมพ์บนลีนุกซ์ที่จะใช้งานเป็น samba เซิร์ฟเวอร์เรียบร้อย ตอนนี้เราจะมาคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อแชร์เครื่องพิมพ์ให้กับเครื่องลูกอื่นๆใช้งาน
เปิดโปรแกรม Printers บนเครื่องแม่
สเปคของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ค่อนข้างต่ำเนื่องจากใช้งานมาหลายปี รายละเอียดตามรูปด้านล่างครับ จะเห็นว่ารุ่นนี้มีหน่วยความ RAM มาให้ 2 GB. และระบบปฏิบัติการเป็น Windows 8 ซึ่งเครื่องโน้ตบุ๊กทำงานได้อืดมาก ผมเลยเปลี่ยนมาติดตั้งเป็นระบบปฏิบัติการ Linux Mint Xfce 19.1 แทน
จุดประสงค์คือ ผมต้องการติดตั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์ Brother DCP-1510 series บนระบบปฏิบัติการ Linux Mint 19 เพื่อใช้ในการพิมพ์งาน สแกนเอกสาร และแชร์เครื่องพิมพ์ผ่านเน็ตเวิร์กให้พีซีเครื่องอื่นใช้งานร่วมกันด้วย โดยเครื่อง Linux Mint 19 ที่ใช้เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์ติดตั้ง Desktop Environment เป็น Cinnamon 64 บิท ปรกติเมื่อเราเสียบสายเครื่องพิมพ์เข้าเครื่องพีซี ลีนุกซ์ก็จะทำการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ให้อัตโนมัติอยู่แล้ว แต่หากเราต้องการใช้งานฟังก์ชันการสแกนได้ด้วย เราต้องทำการติดตั้งไดร์เวอร์เพิ่มเติม โดยเปิดไปที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดาวน์โหลด
Brother DCP-1510 driver for Linux Download
เลือก Driver Install Tools (เครื่องมือติดตั้งไดร์เวอร์) กด ยอมรับข้อตกลงใน EULA และดาวน์โหลด
ก่อนหน้านี้เครื่องพีซีที่ใช้งานทั่วไปยังใช้ Windows 10 อยู่ เพราะเป็นเครื่อง Microsoft Surface Pro ที่มี Windows 10 Pro แท้ติดมากับตัวเครื่อง จึงไม่อยากไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงโปรแกรมต่างๆในเครื่องนี้ เนื่องจากกลัวว่าลิขสิทธิ์ของ Windows ที่ติดตัวเครื่องจะมีปัญหา แต่มีโน้ตบุ๊กอีกเครื่องฮาร์ดดิสก์ยังว่างเยอะก็เลยจับมาติดตั้ง Linux mint 19 เพิ่มเข้าไปเป็นแบบ Dual Boot หลังจากทดลองใช้ Linux Mint 19 แล้วเกิดติดใจจนใช้งานเป็นประจำ และไม่ค่อยได้บูตเข้า Windows 10 อีกเลย แต่เดิมใช้โปรแกรม TightVNC บนวินโดวส์รีโมทเข้าไปแก้ไขจัดการ Linux Server พอเปลี่ยนมาใช้ Linux Mint ก็พยายามหาโปรแกรมมาทดแทน TightVNC เพราะลองเข้าไปหาดูบนเว็บไซต์แล้วปรากฏว่าไม่มีเวอร์ชัน Linux จนมาเจอโปรแกรม Ssvnc ที่ค่อนข้างใช้งานได้ดี และตรงกับความต้องการของตัวเอง วิธีติดตั้งโปรแกรม Ssvnc บน Linux Mint 19 มีดังนี้ครับ
เดิม Linux Mint 18.3 มีโปรแกรม Desktop Sharing ติดมาให้ด้วย หลังติดตั้งก็พร้อมใช้งานได้ทันที แต่ Linux Mint 19 เราต้องติดตั้งด้วยตัวเอง การติดตั้ง Desktop Sharing จากโปรแกรม Terminal ทำได้ดังนี้
$ sudo su
# apt install vino
# gsettings set org.gnome.Vino require-encryption false
# /usr/lib/vino/vino-serverหลังจากที่ใช้งานลีนุกซ์มิ้นท์ 19.0 มาได้สักระยะ ต้องยอมรับเลยว่าพัฒนาออกมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับเครื่องทีวีผ่านพอร์ต HDMI ค่อนข้างราบรื่นกว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้มาก รวมทั้งแอพที่คัดเลือกเข้ามาในชุดติดตั้งก็ล้วนเป็นแอพที่ดี เช่น Libre Office 6 Gimp 2.8 และ Firefox 61 หากจะให้คะแนนความพึงพอใจหลังจากใช้งานผมให้ 8/10 คะแนนเลยครับ
หาก Linux Mint ของเราเวอร์ชันต่ำกว่า 18.3 ต้องอัพเกรดให้เป็น 18.3 ก่อน หลังจากนั้นเปิดโปรแกรม Timeshift ขึ้นมา
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการกับระบบฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ phpMyAdmin ซึ่งทำให้การจัดการกับระบบฐานข้อมูล MySQL เป็นเรื่องง่ายๆ การติดตั้ง pypmyadmin บน Ubuntu Server ทำได้ดังนี้
sudo su <password>
apt-get update
apt-get -y install phpmyadmin php-mbstring php-gettext
phpenmod mcrypt
phpenmod mbstring
systemctl restart apache2
ln -s /usr/share/phpmyadmin /var/www/html/phpmyadmin
บทความนี้จะมาอธิบายการใช้โปรแกรม Desktop Sharing บนลีนุกซ์มิ้นท์เพื่อให้พีซีเครื่องอื่นสามารถรีโมทเข้ามาที่เครื่องลีนุกซ์มิ้นท์ได้ ก่อนอื่นค้นหาโปรแกรม Desktop Sharing แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมา
ตอนทำงานบน Windows 10 เวลาใช้โปรแกรม Notepad หรือ bluefish ฟอนต์ค่อนข้างอ่านง่ายตัวหนังสือแยกเครื่องหมายต่างๆชัดเจน ทำให้เวลาเขียนโปรแกรมอ่านสบายตา แต่บนลีนุกซ์มิ้นท์ฟอนต์อ่านยากมากขณะเขียนโปรแกรมเกิด syntax eror ขึ้นบ่อยๆระหว่างเครื่องหมาย ‘ และ “ เวลาต้องใช้งานร่วมกันแล้วปวดตามาก ดังนั้นผมจึงหาวิธีดึงเอาฟอนต์ tahoma บนวินโดวส์ไปใช้งานบนลีนุกซ์ เพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีวิธีการดังนี้